ไม่อ่านไม่ได้แล้ว! ค่าดำเนินการใน BOQ ที่คุณต้องรู้ก่อน "หาผู้รับเหมา"

แตกประเด็นค่าดำเนินการใน BOQ ที่คุณต้องรู้ก่อน "หาผู้รับเหมา"

เมื่อคุณกำลังวางแผนสร้างบ้านหรือทำโครงการก่อสร้างใดๆ การรู้จักและเข้าใจใน "ค่าดำเนินการใน BOQ" นับเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถ "หาผู้รับเหมา" ที่เหมาะสมและมีความโปร่งใสในการทำงานร่วมกันได้ ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกันก่อนว่า BOQ คืออะไร

BOQ หรือ Bill of Quantities เป็นเอกสารที่ระบุรายการวัสดุก่อสร้าง, ค่าวัสดุ, ค่าแรง และอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับการสร้างบ้านหรืออาคาร โดยปกติจะประกอบไปด้วย

1.รายการวัสดุ, ค่าวัสดุ, ค่าแรง - นี่คือส่วนที่บอกเล่าถึงค่าใช้จ่ายที่ตรงไปตรงมาที่สุดในโครงการ

2.ค่าดำเนินการหรือกำไร - ส่วนนี้อาจจะไม่ชัดเจนเสมอไป แต่เป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการโครงการ เช่น ค่าเหนื่อย, ค่าน้ำมัน, ค่ารถ, ค่าเสียเวลา, และค่าจ้างในการทำงาน

3.ภาษี - ค่าใช้จ่ายนี้เกี่ยวข้องกับภาษีที่ต้องจ่ายจากการทำงาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็น VAT 7%

ข้อสังเกตที่สำคัญในการตรวจสอบ BOQ คือ หากผู้รับเหมาเสนอราคามาแล้วไม่มีการระบุค่าดำเนินการและภาษี (ข้อ 2,3) ให้สังเกตุไปที่รายการวัสดุและค่าแรง (ข้อ 1) โดยปกติแล้วคุณอาจพบว่าราคาเหล่านี้จะถูกบวกเพิ่มเข้าไปในรายการวัสดุเลย ซึ่งอาจทำให้ราคาดูสูงกว่าปกติและยากต่อการตรวจสอบความเหมาะสม

ในทางกลับกัน หากผู้รับเหมาใส่ข้อมูลเกี่ยวกับค่าดำเนินการและกำไรเข้ามาใน BOQ แล้ว จะช่วยให้คุณเข้าใจได้ว่าผู้รับเหมาคาดว่าจะได้กำไรเท่าไหร่จากโครงการนี้ แต่สิ่งนี้อาจทำให้ผู้ว่าจ้างเกิดความลังเลในการจ่ายเงิน เนื่องจากผู้ว่าจ้างจะรู้ถึงเปอร์เซ็นต์กำไรที่ผู้รับเหมาตั้งไว้

คำแนะนำสำคัญในการทำสัญญาคือ

หากใน BOQ ไม่มีการระบุค่าดำเนินการหรือ VAT 7% ควรถามผู้รับเหมาโดยตรงในตอนนั้นว่าจะไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายอื่นๆ แล้วใช่ไหม และตกลงว่าราคาที่ได้คือราคาสุทธิ ซึ่งควรจะถูกบันทึกเพิ่มเติมลงในสัญญาก่อสร้างทั้งสองฝ่าย เพื่อป้องกันการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในภายหลัง

ในการพิจารณาค่าดำเนินการใน BOQ (Bill of Quantities) คุณควรทราบสิ่งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาและความไม่เข้าใจระหว่างคุณกับผู้รับเหมา


  1. สอบถามรายละเอียดให้ผู้รับเหมาชี้แจ้ง : อย่าลังเลที่จะถามผู้รับเหมาเกี่ยวกับค่าดำเนินการที่ระบุใน BOQ รวมถึงวิธีการคำนวณหรือปัจจัยที่ใช้ในการกำหนดค่าเหล่านั้น หากผู้รับเหมาไม่สามารถแจ้งหรือระบุค่าดำเนินการอย่างชัดเจนใน BOQ อาจบ่งชี้ถึงความไม่โปร่งใส ซึ่งอาจนำไปสู่การเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ไม่ได้ตกลงกันไว้ในภายหลัง
  2. ตรวจสอบค่าใช้จ่ายที่ระบุไว้ : ให้ตรวจสอบอย่างละเอียดว่าค่าดำเนินการที่ระบุไว้มีความเหมาะสมกับงานที่จะทำหรือไม่ และไม่มีการบวกเพิ่มค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นหรือสูงเกินไป
  3. พูดคุยตกลงทำความเข้าใจ : คุณและผู้รับเหมาควรมีความเข้าใจที่ตรงกันเกี่ยวกับค่าดำเนินการที่ระบุใน BOQ หากมีความไม่ชัดเจน ควรหารือกันให้เข้าใจก่อนเริ่มโครงการ
  4. เปรียบเทียบผู้รับเหมาหลายๆเจ้า : ก่อนยอมรับ BOQ จากผู้รับเหมา ควรเปรียบเทียบกับข้อเสนอจากผู้รับเหมาอื่นๆ เพื่อดูว่าค่าดำเนินการที่เสนอมานั้นเป็นธรรมและมีความโปร่งใสหรือไม่
  5. เตรียมตัวสำหรับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด: แม้ค่าดำเนินการจะถูกระบุไว้ใน BOQ แล้วก็ตาม แต่ก็ควรมีการเตรียมงบประมาณสำรองสำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิดเพื่อความอุ่นใจ
  6. ตรวจสอบและการติดตามระหว่างก่อสร้าง : หลังจากโครงการเริ่มต้นแล้ว ควรมีการตรวจสอบและติดตามค่าใช้จ่ายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าการใช้จ่ายนั้นเป็นไปตามที่ระบุไว้ใน BOQ และไม่มีการเบี่ยงเบนหรือเพิ่มเติมค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น การตรวจสอบนี้จะช่วยให้โครงการสามารถควบคุมงบประมาณได้ดียิ่งขึ้น และลดโอกาสในการเกิดปัญหาทางการเงินในภายหลัง


การมีค่าดำเนินการใน BOQ ที่ชัดเจนและโปร่งใสจะช่วยลดความขัดแย้งและความเข้าใจผิดในระหว่างการทำงาน รวมถึงสร้างความมั่นใจให้กับทั้งสองฝ่ายว่าการทำงานจะดำเนินไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ จำไว้ว่าการสื่อสารที่ดีและการมีข้อมูลที่ชัดเจนเป็นกุญแจสำคัญในการ "หาผู้รับเหมา" ที่ดีและสร้างผลงานก่อสร้างที่ประสบความสำเร็จ

หากคุณกำลังมองหาผู้รับเหมาก่อสร้าง เข้ามาหาได้ที่ www.beaverman.com

หรือปรึกษา ???? m.me/100914958375616